ยุคนี้ต้องรู้! หาเช่าบ้าน คอนโดอย่างไร ให้ปลอดภัยจากกลโกงมิจฉาชีพ
ในยุคที่การค้นหาที่อยู่อาศัยผ่านช่องทางออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติ
ความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นกลับแฝงมาด้วยภัยอันตรายจากมิจฉาชีพที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น
การตกเป็นเหยื่อไม่เพียงแต่จะทำให้สูญเสียทรัพย์สิน
แต่ยังสร้างความเดือดร้อนและส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ
เพื่อให้การเช่าบ้านหรือคอนโดในฝันของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญเพื่อเป็นเกราะป้องกันคุณจากกลโกงของมิจฉาชีพ
สารพัดกลโกงที่ต้องรู้ทัน
มิจฉาชีพมักใช้จิตวิทยาความ “อยากได้ของดีราคาถูก”
และความ “เร่งรีบ” ของผู้เช่าเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง
โดยรูปแบบกลโกงที่พบบ่อยมีดังนี้
· ประกาศลวงด้วยภาพสวยหรูเกินจริง:
มิจฉาชีพจะนำภาพถ่ายห้องหรือบ้านที่สวยงามจากอินเทอร์เน็ตมาสร้างประกาศให้เช่าปลอม
โดยตั้งราคาให้ถูกกว่าท้องตลาดอย่างน่าใจหาย เพื่อดึงดูดความสนใจ
เมื่อมีผู้สนใจติดต่อเข้ามา ก็จะพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ให้ดูสถานที่จริง และเร่งรัดให้โอนเงินค่ามัดจำหรือค่าจองโดยอ้างว่ามีคนสนใจจำนวนมาก
· สวมรอยเป็นเจ้าของหรือนายหน้า
(เอเจนต์) ตัวปลอม:
กลโกงรูปแบบนี้มิจฉาชีพอาจนำข้อมูลจากประกาศให้เช่าจริงมาสร้างประกาศซ้ำในราคาที่ถูกกว่า
หรือแม้กระทั่งปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
จากนั้นจะนัดดูสถานที่ (ซึ่งอาจจะเป็นสถานที่จริงหรือไม่จริงก็ได้)
และหลอกให้ผู้เช่าทำสัญญาและโอนเงินให้ โดยที่เจ้าของตัวจริงไม่ทราบเรื่อง
· หลอกให้โอนก่อนได้ดูห้อง:
เป็นกลโกงสุดคลาสสิกที่มิจฉาชีพจะอ้างเหตุผลต่างๆ นานา เช่น อยู่ต่างประเทศ
ไม่สะดวกเปิดห้องให้ดู หรือต้องจ่ายค่าดำเนินการก่อน ถึงจะสามารถนัดดูห้องได้
และเมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไปแล้ว ก็จะปิดการติดต่อและหายเข้ากลีบเมฆ
· สัญญาเช่าที่ไม่เป็นธรรม:
แม้จะได้เจอเจ้าของและดูห้องจริง แต่ความเสี่ยงยังไม่หมดไป
สัญญาเช่าที่รัดกุมไม่พอ หรือมีข้อความคลุมเครือ
อาจกลายเป็นช่องโหว่ให้ผู้ให้เช่าที่ไม่ซื่อสัตย์เอาเปรียบได้ในภายหลัง เช่น
การยึดเงินประกันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือการระบุค่าปรับที่ไม่เป็นธรรม
เกราะป้องกัน: เช็คให้ชัวร์ก่อนตัดสินใจ
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจสอบอย่างรอบคอบในทุกขั้นตอน
ตั้งแต่การเลือกดูประกาศไปจนถึงการเซ็นสัญญา
ขั้นตอนที่ 1: การตรวจสอบประกาศและผู้ให้เช่า
· เปรียบเทียบราคา:
หากราคาเช่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทำเลนั้นๆ อย่างมีนัยสำคัญ
ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเสมอ
· ตรวจสอบรูปภาพ:
ลองนำรูปภาพจากประกาศไปค้นหาใน Google Images เพื่อดูว่าเคยถูกใช้ในประกาศอื่นหรือเว็บไซต์อื่นมาก่อนหรือไม่
· ขอดูรูปภาพและวิดีโอเพิ่มเติม:
ขอให้ผู้ให้เช่าถ่ายรูปหรือวิดีโอคอลให้ดูห้องในมุมต่างๆ แบบเรียลไทม์
เพื่อยืนยันว่ามีสถานที่จริงและสภาพตรงตามประกาศ
· ยืนยันตัวตนผู้ให้เช่า:
ขอตรวจสอบเอกสารสำคัญของผู้ให้เช่า เช่น บัตรประชาชน
และเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน (โฉนด) เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเจ้าของจริง
หากเป็นนายหน้า ควรขอดูบัตรนายหน้า(บัตรเขียว) คุณวุฒิวิชาชีพ หรือตรวจสอบกับบริษัทต้นสังกัด
ขั้นตอนที่ 2: การเข้าดูสถานที่จริง
· ห้ามโอนเงินก่อนดูห้องเด็ดขาด:
ไม่ว่าผู้ให้เช่าจะอ้างเหตุผลใดก็ตาม ห้ามโอนเงินค่าจอง ค่ามัดจำ
หรือค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นก่อนที่คุณจะได้เห็นและตรวจสอบสถานที่จริงด้วยตาตัวเอง
· ตรวจสอบสภาพห้องและทรัพย์สิน:
เมื่อเข้าดูห้อง ให้ตรวจสอบสภาพโดยละเอียด ทั้งความเรียบร้อยของเฟอร์นิเจอร์
เครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบน้ำ-ไฟ
และสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบว่าปลอดภัยและตรงกับความต้องการหรือไม่
· พูดคุยกับนิติบุคคลหรือเพื่อนบ้าน:
หากเป็นไปได้ ลองสอบถามข้อมูลจากนิติบุคคลของคอนโดหรือเพื่อนบ้าน
เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของและสอบถามถึงปัญหาที่อาจเคยเกิดขึ้น
ขั้นตอนที่ 3: การทำสัญญาเช่า
· สัญญาต้องเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอ:
สัญญาเช่าที่มีผลทางกฎหมายต้องทำเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน
โดยควรทำสัญญา 2 ฉบับ และเก็บไว้ฝ่ายละหนึ่งฉบับ
· อ่านรายละเอียดในสัญญาอย่างถี่ถ้วน:
ก่อนจรดปากกาเซ็น ควรอ่านและทำความเข้าใจทุกข้อในสัญญา
โดยเฉพาะประเด็นสำคัญต่อไปนี้:
1.
ข้อมูลคู่สัญญา: ตรวจสอบชื่อ-นามสกุล
และเลขบัตรประชาชนของผู้ให้เช่าและผู้เช่าให้ถูกต้อง
2.
รายละเอียดทรัพย์สินที่เช่า: ระบุที่อยู่ ขนาดพื้นที่
และรายการทรัพย์สินภายในห้องอย่างชัดเจน
3.
ระยะเวลาเช่าและค่าเช่า: กำหนดวันเริ่มต้นและสิ้นสุดของสัญญา
อัตราค่าเช่า และกำหนดวันชำระในแต่ละเดือน
4.
เงินประกัน:
ระบุจำนวนเงินประกันและเงื่อนไขการคืนเงินประกันอย่างชัดเจน
5.
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ: ระบุผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ค่าน้ำ
ค่าไฟ และค่าบริการอื่นๆ ให้ชัดเจน
6.
ข้อตกลงและข้อห้าม: อ่านข้อปฏิบัติในการอยู่อาศัย เช่น
การเลี้ยงสัตว์ การส่งเสียงดัง หรือการดัดแปลงห้อง
7.
ความรับผิดชอบในการซ่อมแซม:
กำหนดให้ชัดเจนว่าความเสียหายส่วนใดที่ผู้เช่าต้องรับผิดชอบ
และส่วนใดที่ผู้ให้เช่าต้องเป็นผู้ดูแล
· ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน:
ก่อนเข้าอยู่ ควรถ่ายรูปทุกซอกทุกมุมของห้อง
โดยเฉพาะจุดที่มีร่องรอยชำรุดอยู่ก่อนแล้ว เพื่อใช้เป็นหลักฐานในวันย้ายออก
เอกสารที่ต้องเตรียมและตรวจสอบ
· ฝั่งผู้เช่า:
สำเนาบัตรประชาชน,
สำเนาทะเบียนบ้าน (ถ้ามี), และเอกสารแสดงรายได้
(ในบางกรณี)
· ฝั่งผู้ให้เช่า
(ที่ต้องขอดูเพื่อตรวจสอบ): สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, และสำเนาโฉนดที่ดินหรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด
การหาเช่าบ้านหรือคอนโดไม่ใช่เรื่องยาก
แต่การจะหาที่พักที่ถูกใจและปลอดภัยจำเป็นต้องอาศัยความรอบคอบและความไม่ประมาท
การสละเวลาตรวจสอบข้อมูลและทำตามขั้นตอนต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
จะช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงกลโกงจากมิจฉาชีพ และเริ่มต้นชีวิตในที่อยู่ใหม่ได้อย่างมีความสุขและสบายใจ
📩 สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการให้เราเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของคุณไหม?
ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้คำปรึกษาทุกคำถาม โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ทั้งสิ้น
📍 ติดต่อเราได้ผ่านช่องทางเหล่านี้เลย:
☎️ โทร : 086 317 9854, 033 016
206
📱 LINE OA : @963vdlcy หรือคลิ๊ก: https://lin.ee/dxLFJ7x
🌐 เว็บไซต์ : https://www.chumsrealestate.com/
💬 ส่งข้อความมาได้เลย
เราพร้อมดูแลคุณทุกวัน!
#เช่าคอนโดปลอดภัย #ป้องกันมิจฉาชีพ #หาเช่าบ้าน #เช่าบ้านอย่างปลอดภัย #ห้ามโอนก่อนดูห้อง #ป้องกันถูกหลอก #ตรวจสอบตัวตน #เช่าบ้านมั่นใจ #สัญญาเช่ารัดกุม #รู้สิทธิผู้เช่า #เอกสารเช่าบ้าน #เตรียมตัวให้พร้อม #ปลอดภัยไว้ก่อน #หาเช่าอย่างชาญฉลาด #คุณวุฒิวิชาชีพนายหน้าฯ #ชัมส์เรียลเอสเตท

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น